สล็อตออนไลน์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทำการเปิดเผยความคืบหน้าถึงกรณี ระเบิดรถไฟ สาย 452 (สุไหงโกลก -นครศรีธรรมราช) บริเวณที่หยุดรถบ้านนิคม จ. ปัตตานี (14 ธ.ค. 2564) ล่าสุดนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ชี้แจงความคืบหน้าเหตุ ระเบิดรถไฟ ขบวนโดยสารท้องถิ่นที่ 452 บริเวณที่หยุดรถบ้านนิคม จังหวัด ปัตตานี โดยได้เปิดทางรถวิ่งตามปกติแล้ว พร้อมประสานหน่วยงานความมั่นคงช่วยดูแลความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนในการเดินทาง
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)
กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าจากกรณีเกิดเหตุคนร้ายใช้ระเบิดแสวงเครื่องวางข้างทางรถไฟ บริเวณที่หยุดรถบ้านนิคม จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลา 12.25 น.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ขบวนรถไฟโดยสารท้องถิ่นที่ 452 (สุไหงโกลก -นครศรีธรรมราช) บางส่วนได้รับเสียหาย
และมีพนักงานกับผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 3 ราย คือ นายชยพล ยิ้มแก้ว พนักงานขับรถ ได้รับบาดเจ็บที่แขนซ้ายและบริเวณลำคอ นายสันติบุรี เภาเส็น ช่างเครื่อง ได้รับบาดเจ็บหูอื้อ และมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือนางสาววันอารีนีย์ สำตาลี ได้รับบาดเจ็บมีอาการปวดที่ไหล่ซ้าย ซึ่งทั้ง 3 คน รฟท.ได้เข้าไปดูแลนำส่งโรงพยาบาลโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนความเสียหายของขบวนรถพบว่า หัวรถจักรดีเซล 4230 กระจกหน้าแตก เครื่องยนต์ชำรุด ไม่สามารถทำขบวนต่อไปได้ ตู้โดยสารชั้น 3 และรถบรรทุกสัมภาระ กระจกด้านซ้ายแตก
นอกจากนี้ รฟท. ยังได้ประสานกับฝ่ายความมั่นคงในการเข้าไปดูแลพื้นที่เกิดเหตุโดยทันที จนต่อมาเวลา 16.15 น.ของวันเดียวกัน ก็สามารถเปิดทางให้ขบวนรถเดินรถได้ตามปกติอีกครั้ง ซึ่งต่อจากนี้ รฟท. จะเพิ่มมาตรการร่วมกับฝ่ายความมั่นคง ในการเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัยและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในการเดินทาง
พร้อมทั้ง เดินหน้ากิจกรรมมวลชนสัมพันธ์กับชุมชนในพื้นที่ ตามนโยบายของนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่า รฟท. ที่กำชับให้เจ้าหน้าที่ รฟท. ปฏิบัติหน้าที่โดยเน้นสร้างการมีส่วนร่วมจากชุมชนอย่างใกล้ชิด ด้วยการเปิดรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากพี่น้องประชาชน ผู้นำศาสนา และหน่วยงานท้องถิ่น ในการนำเสนอความเห็น เพื่อนำมาใช้ปรับแนวทางเดินรถในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยต่อประชาชน
พร้อมกันนี้ยังขอความร่วมมือประชาชน หากพบบุคคลหรือวัตถุต้องสงสัย สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง
‘ธนกร’ กางแผน ฉีดวัคซีนกระตุ้น เข็มสาม ยี่ห้อไฟเซอร์-โมเดอร์นา
โฆษกสำนักนายก เปิดเผยถึงแผนการ ฉีดวัคซีนกระตุ้น เข็มที่สาม ยี่ห้อไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา สำหรับประชาชนที่ฉีดแอสตราเซเนกา หรือ สูตรไขว้ ตั้งแต่สิงหาที่ผ่านมา
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 วานนี้ เห็นชอบแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ภายในเดือนธันวาคม 2564 โดยจะให้มีบริการฉีดวัคซีนอย่างน้อยจำนวน 6.6 ล้านโดส แบ่งเป็น เข็มที่ 1 จำนวน 3.1 ล้านโดส เข็มที่ 2 จำนวน 2.3 ล้านโดส และเข็มที่ 3 จำนวน 1.2 ล้านโดส และจะดำเนินการแผนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามแนวทางใหม่ตามคำแนะนำการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นจากที่ประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ดังนี้
– ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนสิงหาคม – กันยายน 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนธันวาคม 2564
– ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนกันยายน – ตุลาคม 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนมกราคม 2565
– ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
– ประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2564 สามารถเข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเดือนมีนาคม 2565
ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 เป็น AstraZeneca สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็น Pfizer หรือ Moderna โดยเว้นระยะห่างตั้งแต่ 3 – 6 เดือนขึ้นไป หลังเข็มที่ 2 สำหรับประชาชนที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 เป็น Pfizer หรือ Moderna สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็น Pfizer หรือ Moderna โดยเว้นระยะห่างตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป รวมถึงประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ เข็มที่ 1 Sinovac หรือ Sinopharm เข็มที่ 2 AstraZeneca สามารถรับวัคซีนเข็มกระตุ้นเป็น AstraZeneca/ Pfizer หรือ Moderna โดย ศบค. มีแผนการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพิ่มอย่างน้อย 23 ล้านโดส ภายในเดือนมีนาคม 2565 เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันแก่ประชาชน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค. ยังเห็นชอบแผนการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย ในปี 2565 โดยรัฐบาลตั้งเป้าจะจัดหาวัคซีนจำนวน 120 ล้านโดส จากบริษัทผู้ผลิตหลายบริษัทด้วยกัน อาทิ AstraZeneca Pfizer
และวัคซีนชนิด Protein Subunit เพื่อให้ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนอย่างเพียงพอและครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 80 ของประชากรทุกคนในประเทศไทย สำหรับกลุ่มเป้าหมายอายุต่ำกว่า 12 ปี สามารถได้รับการฉีดวัคซีนตามความสมัครใจของเด็กและผู้ปกครอง ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยรับการฉีดวัคซีน สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนแบบ walk-in ได้ตามสถานพยาบาลหรือศูนย์บริการฉีดวัคซีนอีกด้วย อย่างไรก็ตามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความร่วมมือในการป้องกันโควิด-19อย่างดีทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้น สล็อตออนไลน์